ลินิเกอร์ ตำนานอดีตดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ แสดงทัศนะเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ ลิโอเนล เมสซี กลายเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลก้าวข้าม ดีเอโก้ มาราโดนา ไปเป็นที่เรียบร้อย
หลังสตาร์วัย 25 ปีพาทีมชาติ อาร์เจนตินา คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก เป็นสมัยที่ 3 เมื่อเข่นเอาชนะ ฝรั่งเศส จากการดวลลูกจุดโทษ 4-2 หลังเสมอกันใน 120 นาที 3-3
ก่อนหน้านี้ปมประเด็นนักเตะที่ ‘ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล’ (Greatest Of All Time – GOAT) มักเป็นที่ถกเถียงของแฟนบอล โดยเฉพาะใน เวิลด์คัพ 2022 ที่มี เมสซี
และ คริสเตียโน โรนัลโด้ มักถูกนำมาเปรียบเทียบกันบ่อยครั้งโดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่ยังไม่เคยลิ้มรสแชมป์โลกมาก่อน กระทั่งได้บทสรุปเมื่อทัพ ฟ้าขาว กลายเป็นแชมป์โลกในปี 2022 สำเร็จ
ขณะที่ มาราโดน่า เคยเป็นคีย์แมนสำคัญพาพลพรรค ลา อัลบิเซเลสเต้ ซิวแชมป์ ฟุตบอลโลก 1986 จึงทำให้เกิดการเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่ระหว่าง เมสซี กับ มาราโดนา กลายเป็นอีกหนึ่งปมหัวข้อในการถกเถียง
โดย แกรี ลินิเกอร์ ในฐานะที่อยู่ร่วมสนาม ดวลกับ มาราโดนา ในเกมที่พวกเขาเอาชนะ สิงโตคำราม ก่อนกรุยทางเข้าป้ายคว้าแชมป์โลกในปี 86 แสดงความคิดเห็นผ่านสถานีวิทยุ บีบีซี ระบุว่า เมสซี ยิ่งใหญ่ก้าวข้าม มาราโดนา ไปเป็นที่เรียบร้อย
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นนักฟุตบอลคยใดเก่งกาจกว่า ดีเอโก้ มาราโดนา และมันอาจจะไม่ยุติธรรมไปสักหน่อยหากต้องมาเปรียบเทียบกันเนื่องจากทั่งคู่เล่นอยู่คนละยุคสมัย” ลินีเกอร์ กล่าว “แต่ผมคิดว่า เมสซี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนทั้งเกียรติยศในเวลานี้และการรักษามาตรฐานได้อย่างยาวนาน”
“ดีเอโก้ อาจจะทำได้โดดเด่นในระยะเวลา 7, 8, 9 หรืออาจะถึง 10 ปีอะไรทำนองนั้นแต่ เมสซี สร้างความมหัศจรรย์มาเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษเข้าไปแล้ว รวมกับการคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 7 สมัย ประสบความสำเร็จในช่วงกลางวัย 30 โดยเฉพาะการคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา กับ เวิลด์คัพ มาครอง”
“นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ดู ลิโอเนล เมสซี ลงเล่นมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราประจักษ์กับเหตุการณ์ตื่นตะลึง การลุ้นจนกลั้นหายใจและการเฉลิมฉลองในฟุตบอล เขาเป็นของขวัญที่พระเจ้าแห่งฟุตบอลประทานมาให้ ผมยินดีที่เขาคว้าเกียรติยศสูงสุดมาครองได้ในที่สุด”